ดูหนัง razorback (1984) ไอ้เขี้ยวตันพันธุ์สยอง KUBHD.COM

ดูหนัง razorback

ดูหนัง razorback หมูป่าดุร้ายสร้างความกลัวให้กับต่างจังหวัดไกลห่างของประเทศออสเตรเลีย เหยื่อรายแรกเป็นเด็กตัวเล็กๆที่ถูกฆาตกรรม หลานของเด็กถูกนำตัวไปพิจารณาคดีในข้อกล่าวหาฆ่าเด็ก แต่ว่าพ้นจากความผิด เหยื่อรายถัดไปเป็นผู้สื่อข่าวโทรทัศน์อเมริกัน คาร์ลผัวของคุณไปตรงนั้นและก็เริ่มค้นหาข้อเท็จจริง คนที่อาศัยอยู่ในแคว้นมิได้ช่วยเขาจริงๆแม้กระนั้นเขาได้ร่วมโดยนักล่ารวมทั้งเกษตรกรหญิงเพื่อค้นหาสัตว์ร้าย

ก่อนทำหนังซอมบี้ใน Resident Evil: Extinction (2007) เพศผู้ควบคุมเคยทำหนังสัตว์กินเนื้อมนุษย์มาก่อน ซึ่งไม่ใช่งูยักษ์หรือจระเข้หรือสัตว์ดุร้ายที่จำต้องอยู่ห่างให้ไกลจากอันตรายแต่เป็นหมู! ดูหนัง razorback ฟังไม่ผิดถ้าหากหมูจะฆ่าคนได้ไพเราะเพราะพริ้งหมูในหัวข้อนี้เป็นหมูป่าแถมยังเป็นหมูป่าที่มีเขี้ยวที่ใหญ่มโหฬารในระดับที่ขย้ำคนได้สบายๆแต่จะด้วยอะไรก็แล้วแต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาสำหรับหมูป่าในประเด็นนี้ที่ถูกกล่าวเป็นพันทางนามสมมุติ”ราซอร์แบ็ค”

เป็นพลังอย่างมากสามารถวิ่งทะลุบ้านหายไปทันทีทันใด ซึ่งความน่าสยดสยองนี่เองได้สร้างรอยแผลแก่เจค คัลเลน (Bill Kerr) นายพรานผู้มีความแค้นเนื่องจากว่าถูกพรากหลานไปซึ่งๆหน้าอย่างไม่อาจลืมลงได้ หนังแนวสัตว์โลกน่ารักน่าชังมีตลอดช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาครับ และก็ผู้กำกับมีชื่อหลายรายก็ไต่เต้ามาจากหนังทำนองนี้ แล้วก็นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ

อีกด้านหนังมีเส้นเรื่องรองเป็นเรื่องราวของ เซียง (เลขานุภาพ ศรัณย์ภัทร) ที่เกิดคำถามว่าแฟนเก่าอย่าง ใบข้าว (กัญญาวีร์ กลิ่นหอม) ที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ภาคก่อนหน้า อาจยังมีอาลัยอาวรณ์บางอย่างต้องการบอกกับเขา ทำให้เซียงออกตามหาวิธีสื่อสารกับวิญญาณใบข้าว จนได้คำแนะนำจากสัปเหร่อศักดิ์แลกเปลี่ยนกับที่เซียงต้องคอยช่วยเจิดทำหน้าที่สัปเหร่อให้ลุล่วง

My Movie Review: Razorback (1984) ไอ้เขี้ยวตันพันธุ์สยอง

ดูหนัง razorback เต็มเรื่อง

ของคาร์ล วินเทอร์ส (Gregory Harrison) ที่เดินทางมายังเมืองดาวน์อันเดอร์ เพื่อตามหาภรรยา (Judy Morris) ที่หายสาปสูญไปคราวหลังมาทำข้อมูลนี้ อันนำเขาไปพบกับยักษ์ร้าย ซึ่งก็คือหมูป่ายักษ์จอมหฤโหดที่มีกำลังอย่างใหญ่โต แม้แต่ลูกปืนยังเอามันไม่อยู่

นี่แหละครับผม หนังแนวนี้ก็ราวนี้แหละ ตัวประหลาดควรเป็นอะไรที่ตายยากหน่อย ถ้าหากไม่มาเป็นกรุ๊ปก็มาเพียงตัวเดียวแต่ความรู้ความเข้าใจมากมาย รวมทั้งเจ้าตัวนี้แม้ว่าจะมาลำพังแต่ก็ร้ายเหลือนะครับ โหดร้ายจนกระทั่งน่าน่ากลัวแล้วยังตายยากอีก

เป็นงานดูแลของ Russell Mulcahy นะฮะ หัวข้อนี้เป็นประมาณงานหนังโรงชิ้นลำดับที่สองของเขา ก่อนจะไปดังกับ Highlander หนังประเด็นนี้จัดว่าพอใช้ขอรับ ไม่เลวนะ ไม่ได้ถึงกับขนลุกจนกระทั่งจึงควรไม่สนใจหนี ถึงแม้ก็น่าติดตามไม่เลว บางครั้งอาจจะไม่ดียอดเยี่ยมเท่าหนังอย่าง Anaconda นะครับ แต่ก็ไม่จืดชืดล่ะน่า เป็นหนังสัตว์โลกงามที่ใช้ได้อีกเรื่องหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ

นักแสดงก็ไม่ได้ดังอีกนั่นแหละครับ นอกจากผู้แสดงนำชายแล้วก็มี Arkie Whiteley ในบทซาร่าห์ คาเมรอน สาวผู้ช่วยชีวิตคาร์ลเอาไว้, Bill Kerr ในบท เจค คัลเลน นายพรานผู้มีความแค้นต่อไอ้หมูป่านี่ ดูหนัง razorback เหตุเพราะมันฆ่าหลายเขาจนตายครับผม

ผมว่าผมเห็นแผ่นอยู่นะ ก็ทดสอบเช่ามาดูกันได้ครับ สำหรับผู้ที่พึงพอใจหนังสัตว์ไล่รังควานมนุษย์ ผมคงไม่ต้องร่ายอะไรเยอะมากนะ ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ว่าเฉยๆไม่ต้องเล่าให้มากเรื่องมากความ ประเด็นนี้ก็จัดว่าตอบกลับคอหนังแนวนี้ได้ไม่เลวครับผม พอเพียงเพลินๆผมว่า Mulcahy ก็มีฝีมือหรูหราตามมาตรฐานอยู่ล่ะครับ ทำหนังได้โอเคอยู่แล้ว

แล้วใครกันละ..ที่อยากจะมาเปิดดูหนังที่ว่าด้วยชีวิตคนสองคนเปิดฉากทะเลาะเบาะแว้งกันไปครึ่งเรื่อง ทั้งตะโกนด่ากัน เล่นเกมเชิงจิตวิทยาใส่กันและกัน เพื่อจะแก่งแย่งชิงดีกัน มันช่างเป็นเนื้อหาที่เต็มไปด้วยความเครียดและไม่บันเทิงใจเลิกแม้แต่น้อย แต่ก็นั่นแหละ..มันคือเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ ความกดดันและความเครียดที่ใกล้จะปะทุขึ้นมาเรื่อย ๆ กลายเป็นไฮไลต์เด่นของเรื่องนี้

การแสดงของ “ฟีบี ดีเนเวอร์” กับ “อัลเดน เอเรนไรค์” ถือว่าช่วยได้ไม่น้อย แม้ว่า ฟีบี ดีเนเวอร์ ประสบการณ์อาจจะยังไม่มาก แต่เธอก็แสดงให้เห็นว่าเธอยังสามารถรับมือกับบทที่ท้าทายได้ดี มีจังหวะได้พ่นไฟและปล่อยพลังแอคติ้งออกมาได้อย่างเต็มที่ โชคดีที่บทบาทนี้ส่งเสริมตัวเธอได้เป็นอย่างดี และได้โอกาสได้ปล่อยแสงออกมา

รีวิว

คาร์ล วินเทอร์ส (Gregory Harrison) เดินทางมายังเมืองดาวน์อันเดอร์เพื่อตามหาภรรยา (Judy Morris) ที่หายสาปสูญไปหลังจากมาทำข้อมูลตรวจโรคสัตว์ท่องถิ่น ซึ่งเขาได้ตามสืบจากทุกคนที่ช่วยได้รวมถึงไปพบกับดีโก้ (David Argue) แล้วก็เบ็นนี่ (Chris Haywood) สองญาติโกโหติกาเบเกอร์ที่ทำอาชีพเชือดเนื้อในโรงงานเก่าแห่งหนึ่งที่เช่นเดียวกันกับจะช่วยคลี่คลายข้อมูล

แต่ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเพราะว่าความเสียสติเกินคาดทำนายใจของพี่น้องคู่นี้ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จนกว่าคาร์ลต้องมาเจอกับซาร่าห์ คาเมรอน (Arkie Whiteley) ที่กำลังศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตโดยหนึ่งในความน่าดึงดูดใจเป็นหมู ถ้าว่าหมูตัวนี้ไม่ใช่หมูชนิดธรรมดาเนื่องจากเป็นหมูที่สามารถฆ่าคนมาแล้ว

อารมณ์ของหนังมาแบบทุนต่ำที่สุดของที่สุด แม้กระนั้นยังมองดูมีทุนและองค์ประกอบครบถ้วนบริบูรณ์ ส่วนที่ทำให้คิดอย่างงั้นด้วยความที่ลักษณะแห้งหลุดมาจากแอฟริกา ดูหนัง razorback แทบไม่มีอะไรที่ดูใหม่หรือถูกตาเลย(เว้นฉากคาร์ลเดินโซซัดโซเซมาเจอซาร่าห์ตอนอาบน้ำ แน่นอนว่าเป็นฉากเซอร์วิสกระตุ้นสายตาอย่างยิ่งจริงๆ) เพราะว่าถ่ายทอดออกมาเก่าและแล้งในลักษณะต่างจังหวัดไกลห่างไม่มีอะไรที่ทันสมัยก็เลยรู้สึกอึดอัด

เป็นความรู้สึกอึดอัดให้กับฉากต่างๆระหว่างเมืองกับต่างจังหวัดกับวิถีชีวิตคนละด้าน ถึงแม้การดูเหมือนจะชวนให้อยากกินน้ำหากแม้บางคนอาจไม่คิดกอยากรับประทานสิ่งใดเหตุเพราะเรื่องนี้ค่อนจะมีความแหวะอยู่น้อย โดยเฉพาะโรงงานปาดเนื้อหมูที่ตกอับสนิมเลอะเทอะจนตราบเท่าอย่างกับยืมใช้อาศัยมากกว่า โดยความแหวะไม่ได้อยู่ที่ชักชวนน่ากลัวแม้กระนั้นเป็นความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับพื้นที่ผ่านกรมหนทางที่ไม่สะอาดเลยนิดเดียว

ด้วยความที่ทุนต่ำตามประสาหนังสยองขวัญเกรดบีก็เลยย้ำไปที่ฉากวับวาบแวบๆไม่เห็นตัวเต็มกันมากมายก่ายกองแค่สักแค่ไหน สุดความสามารถจะเห็นใบหน้าของราซอร์แบ็คที่ใหญ่จนถึงน่าสยดสยองตอนอยู่ใกล้(แม้ว่าจะเป็นเพียงหน้าหมูป่าธรรมดา) ส่วนความสยองขวัญนองเลือดไม่มีให้เห็นเยอะแค่ไหนยกเว้นฉากเดียวกับฉากเปิดตัวด้วยการเสียหายประตูรถยนต์จวบจนกระทั่งเสียหาย จากนั้นเข้าไปขย้ำเหยื่อในรถยนต์อย่างไร้เมตตา

ซึ่งฉากนี้ให้อารมณ์ไม่สบายใจและจากนั้นก็เปล่าเปลี่ยวเจริญเนื่องจากอยู่ในขณะที่ดาราหนังโชคร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนีจากคนมาเจียนตายจำเป็นจะต้องมาตายจริงๆเพราะโดนหมูยักษ์และเล็ม ดูแล้วการเขียนอ่านหรือเล่าให้ฟังว่าเป็นหมูป่ายักษ์บางครั้งอาจจะคิดสภาวะไม่ค่อยออกว่าน่ากลัวที่แห่งไหน ก็แค่หมูอ้วนๆมีเขี้ยวไม่มีอะไรที่ฉายแววความไร้มนุษยธรรมอำมหิต แต่เรื่องนี้ผู้กำกับถ่ายทอดอารมณ์ได้ถึง

แม้ว่าจะเป็นหมูแม้กระนั้นเป็นตัวอันตรายแทบพอกับสัตว์ชนืดอื่นในโลกภาพยนตร์อย่างยิ่งจริงๆที่มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ถูกสงสัยถึงเหตุผลสำหรับเพื่อการปฏิบัติ ตัวอย่างเช่น การโยนไข่หาที่เผาศพ แล้วก็การยินยอมรับเรื่องราวความตายว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตคนทุกคนไม่เลือกเชื้อชาติ วัย เพศ หรือศาสนา

ดูหนัง razorback

รีวิวหนัง “สัปเหร่อ” หนังไทบ้านที่เอ๋ยถึงความตายได้สุจริตใจ เหมาะสมเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติในวันใดวันหนึ่ง

เจิด นิสิตข้อบังคับจะต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่สัปเหร่อแทนบิดาที่เจ็บป่วย ในช่วงเวลาที่เซียงแล้วก็หมู่คณะไทบ้านจะต้องประจันหน้าวิญญาณเฮี้ยนของใบข้าวที่ตายอีกทั้งกลมตั้งแต่หนังภาคก่อน ความรู้สึกระหว่างมองเป็น ทุกปีจะมีเปิดให้เสนอชื่อภาพยนตร์ไทยจดทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ส่วนตัวที่ช่วยเหลือกิจกรรมนี้ในทุกปีมีความคิดว่าในอนาคตไม่ว่าใกล้หรือไกล zabbet987 หนังประเด็นนี้คงจะได้ใส่เป็นมรดกของชาติแน่ๆ

เนื่องจากค่าสำหรับในการบันทึกคติหรือวัฒนธรรมในช่วงเวลาหนึ่งที่สมัยเก่าแล้วก็สมัยใหม่ปะทะกันได้อย่างประดิษฐ์น่าดึงดูด รวมทั้งยังเก็บภาพของพิธีบูชาความตายของไทยไว้อย่างที่หนังน้อยเรื่องจะกล่าวถึงเป็นหนังสัตว์กินคนที่บางครั้งอาจจะพิศดารไปซะหน่อยเพราะเป็นหมูป่าก็เลยไม่เคยรู้สึกถึงความน่าสยองขวัญที่ตัวหนังพรีเซนเทชั่นแค่ไหน ถึงแม้ว่าด้วยคำปรามาสนี้

ทำเป็นเกินความหวังในเรื่องของอารมณ์ความน่าขนพองสยองเกล้าแล้วก็สยองขวัญสั่นประสาท (สั่นจริงๆนะเวลาราซอร์แบ็คโผล่มาจะสั่นอีกทั้งภาพเหมือนแผ่นดินไหว ประมาณว่านี่เป็นหมูที่ทรงพลังและน่าสยดสยองจนกระทั่งสั่นเทิ้มผวา)ส่วนความน่ากลัวกลิ่นคาวเลือดมีน้อยเหมือนกับจะย้ำไปที่ความลึกลับ ถึงแม้ว่าบางจังหวะรู้สึกธรรมดารวมทั้งชอบกลในตอนที่นายพรานเจคไปพบราซอร์แบ็คแล้วก็ยิงกะตายให้ได้

แม้ว่าผลเป็นหนังเหนียวแล้วหลังจากนั้นก็หนีไปได้ ซึ่งฉากหนีเป็นอะไรที่คงตามหลังทันแต่ปล่อยไปแก่นแก้วๆส่วนในเรื่องความสยองขวัญพอใช้แต่ไม่มาก จะหนักไปทางถ่ายทอดอารมณ์แก่ผู้ชมมากกว่าโดยสรุปไม่ต้องไปมุ่งมาดอะไรมากไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะเน้นทุนต่ำแม้กระนั้นดีที่ว่ามีความประณีตและวิจิตรบรรจงอยู่บ้างก็เลยน่าติดตามแม้บางจุดจะรู้สึกถึงความอ่อนเพลียของหนังที่ชั่วประเดี๋ยวอ่อนชั่วประเดี๋ยวแข็ง

โดยเฉพาะผู้แสดงนำชายของเราที่ปฏิบัติตัวไม่สมเป็นผู้แสดงนำชายสักมากมายก่ายกองแค่สักแค่ไหน ถึงแม้ว่าบทหนังเช่นเดียวกันกับเขียนมาให้ผู้แสดงมองดูธรรมดาไปหน่อย ก็เลยไม่มีคุณลักษณะเด่นจุดยืนอะไรเลยนอกจากเงื่อนให้ดูมีมิติแล้วก็เรื่องราว ไม่เช่นนั้นจะไปตามฆ่าหมูป่าพันทางกันเพราะอะไรโดยรวมตื่นเต้นพอควร มาก้าวหน้าตรงบรรยากาศเป็นของเด่นที่เกื้อกูลจนกระทั่งไปตรอดถึงฝั่ง

ท้ายที่สุดที่ฮาหรือน่าสยองเป็นฉากหนีฝูงหมูจนกระทั่งขึ้นไปหลบบนกังหันลม เป็นแบบก็หมูธรรมดานี่แหละ ไม่แน่บางทีเป็นลูกหมูไม่รู้เรื่องน่าขนพองที่แห่งไหน ถือว่าเป็นฉากที่ไม่เคยรู้ว่าจะเอาอารมณ์ไหนดีระหว่างน่ากลัวกับงามหนัง ‘สัปเหร่อ’ ได้มองผ่านสายตาของนักแสดงใหม่ในแฟรนไชส์ ‘ไทบ้าน เดอะซีรีส์’ อย่าง เจิด (เน็ค นฤพล ใยอิ้ม – นักร้องเครือเอ็งรมมี่โกลด์)

นิสิตข้อบังคับที่จำเป็นต้องกลับไปอยู่บ้านมาปฏิบัติหน้าที่สัปเหร่อแทนบิดาศักดา (อัจฉริยะ ศรีทา) ที่กำลังป่วยไข้ ซึ่งหนังจะเปิดเผยให้พวกเราทราบตอนหลังว่าศักดาเจ็บไข้ใช่หรือเพียงแค่กุศโลบายของบิดา ซึ่งเจิดจำเป็นต้องจัดการอีกทั้งอาชีพที่เขาไม่ได้อยากต้องการทำ โดยตั้งข้อซักถามกับพิธีการความเลื่อมใสเกี่ยวกับคนเสียชีวิต รวมทั้งคนเป็นที่จะต้องจัดพิธีการให้ผู้ที่รักตามวัฒนธรรมร่วมยุคไทยอีสาน

The Road To Razorback… | FilmInk

รีวิวหนัง “Fair Play” ดำตรงสู่ความฉิ-หายวิบัติที่ชีวิตแต่งงาน ต้นแบบเศรษฐวิทยา

ถึงเวลามาแซ่บ กับเกมความร้อนเร่าของพวกเขาทั้งสอง กับหนังตื่นเต้นแอบซ่อนเกมการประลองบนเฉือนคมที่คงจะคุกรุ่นพอได้ อย่าง “Fair Play” ที่ติดเรท R ที่มีรายละเอียดหักเหลี่ยมกันเมื่อใดก็ตามได้โอกาสเผลอ กับจังหวะเร่งเร้าของคนรักที่ไม่สามารถคบกันได้อย่างเปิดเผย จะต้องมาประจันหน้ากับการต่อสู้กันในบริษัทที่เสี่ยงทำให้ความรักจะต้องสะบั้น!

เกิดเรื่องราวชีวิตอันแสนสุขสมของ เอมิลี กับ ลุค วัยรุ่นที่คลุ้มคลั่งรักกันและกัน โดยที่พวกเขาหมั้นหมายจัดแจงตบแต่งกันเร็วๆนี้ เพียงแค่พวกเขาดำเนินการที่เดียวกัน ที่มีนโยบายห้ามคบค้าสมาคมรวมทั้งมีความเกี่ยวข้องกันเด็ดขาด เมื่อการเลื่อนฐานะอย่างเหนือความมุ่งมาดในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ทุกฝ่ายต่อสู้กัน แปลงเป็นจุดแตกหักระหว่างพวกเขา แล้วก็แปลงเป็นการบั่นทอนชีวิตครอบครัวที่พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเวลา

นี่เป็นผลงานใหม่ของผู้กำกับหญิง “วัวลอี โดมอนต์” (จากซีรีส์ Ballers) ที่ถือว่าคัมแบ็กกลับมาทำหนังอีกรอบในรอบแทบสิบปี และก็ถือได้ว่าเป็นการกลับมาที่ออกจะท็อปฟอร์มไม่น้อย เพราะว่าหนังหัวข้อนี้ออกจะเด่นเมื่อตอนเปิดตัวฉายที่เทศกาลหนังซันแดนซ์ ตอนต้นปีที่ล่วงเลยไป โดยงานนี้คุณรับหน้าที่ทั้งยังดูแลและก็เขียนบทเอง มันแปลงเป็นอีกงานชิ้นยอดเยี่ยมของคุณไปแล้ว

ในบางมุมมันก็เชิญชวนระลึกถึงหนังออสการ์สาขาภาษาต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง ‘Departures’ (2008) อยู่เหมือนกัน ที่ผู้แสดงนำมิได้เต็มอกเต็มใจกับอาชีพคนฌาปนกิจก่อนที่จะเจอบางอย่างในนั้น แต่ว่าสำหรับ ‘สัปเหร่อ’ ก็มีที่ของตนสำหรับในการเล่าที่ทำให้ต่างจากหนังเรื่องไหน มันมีอีกทั้งความดิบสำหรับการพรีเซนเทชั่นภาพพิธีการความตายที่บ้านๆจนกระทั่งมองน่าผวา

รวมทั้งมีความเซอร์เรียลเกินตรรกะเหตุผลธรรมดาจะเรียกว่าความคัลต์ของบ้านพวกเราก็ว่าได้ ซึ่งหนังก็ใช้แนวทางพรีเซ็นท์ให้ผู้ชมถามต่อภาพข้างหน้าเอาเองบ้าง รวมทั้งบางครั้งก็ให้ผู้แสดงตั้งประเด็นผ่านบทพูดพร้อมคำชี้แจงจากอีกผู้แสดงที่ให้มุมมองทั้งยังความเลื่อมใสรวมทั้งจิตวิทยาที่กอดทั้งคนรุ่นก่อนแล้วก็คนสมัยใหม่อย่างรู้เรื่อง มันก็เลยเป็นหนังที่บอกเรื่องความตายและก็การพูดถึงผู้ที่ตายได้อย่างมีวุฒิภาวะ อบอุ่นหัวใจไม่น้อยทีเดียว

แต่เชื่อว่า Fair Play ไม่ใช่หนังที่ทุกคนจะชอบ และก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเกลียดเช่นเดียวกัน เพราะโครงสร้างและเนื้อหาของหนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดไปในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะบทหนังของเรื่องนี้ที่เต็มไปด้วยมุมมองที่น่ารังเกียจและด้านลบของชีวิตคู่ แต่มันกลับเป็นมุมที่ค่อนข้างเวิร์กเมื่อถูกจับมาใส่เอาไว้ในหนังเรื่องนี้ ภายใต้สถานการณ์และบรรยากาศที่แสนตึงเครียดของตัวเลข

แน่นอนว่า Fair Play เป็นหนังที่มีฉากหลังเป็นเรื่องราวในวงการวอลล์สตรีทและการเงิน ที่คนดูทั่วไปอาจจะเข้าไม่ถึงในส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับวงการนี้ แต่หนังก็รู้สึกวิธีที่เล่นกับความรู้สึกของคนดู ไปพร้อม ๆ กับตัวละคร ด้วยการค่อย ๆ สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างความสัมพันธ์ของ เอมิลี กับ ลุค จากคู่รักที่หวานชื่นที่ต้องปกปิดเป็นความลับ กลายเป็นคู่แข่งคู่เชือดเฉือนในหน้าที่การงานที่แสนขมขื่น